HI-KOOL โตสวนกระแส ศก. ฟาด Market Share 30% ทั้งตลาดรถสันดาป - รถ EV

Last updated: 14 ธ.ค. 2566  |  171 จำนวนผู้เข้าชม  | 

HI-KOOL โตสวนกระแส ศก.  ฟาด Market Share 30% ทั้งตลาดรถสันดาป - รถ EV

     ไฮคูล (Hi-Kool) คาดปี 2566 จะมี Market Share 30% ทั้งตลาดรถสันดาป – รถ EV พร้อมตั้งเป้างบการตลาดไว้ที่ 50 ล้านบาท ส่ง 3 เรือธงสำคัญ “Hi-Kool Ceramic Black Night, Super Hi-Kool Beyong Ceramic, Hi-Kool Ceramic Blue Alfa” ลุยตลาดรถ EV เผยแผนปี 2567 เตรียมรุกตลาดฟิล์มกันรอยรถยนต์ โดยจับมือกับบริษัท Avery Dennison จำกัด บริษัทจัดจำหน่าย PPF (Paint Protection Film) อันดับ 1 จากอเมริกา มุ่งเป้าจับกลุ่มลูกค้ารถพรีเมียร์และรถ EV

     คุณชลิฏา วณิชชากรพงศ์ กรรมการและผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารและการตลาด บริษัท ลีวณิชย์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงไฮคูล กล่าวว่า ยอดขายรถปี 2566 น่าจะตกจากปี 2565 ประมาณ 7% หรือปิดที่ 800,000 คัน เนื่องจากเศรษฐกิจทำให้คนประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้นและการขอสินเชื่อรถปัจจุบันทำได้ยากขึ้น เมื่อตลาดรถตกทำให้ตลาดฟิล์มกรองแสงตกลงไปด้วย โดยคาดว่าตลาดฟิล์มกรองแสงจะตกประมาณ 6% หรือมียอดขาย 2,068 ล้านบาท ส่วนตลาดฟิล์มกรองแสงปี 2567 คาดว่าจะเติบโตจากปี 2566 ประมาณ 5%

     สำหรับผลประกอบการของไฮคูลคาดว่าปี 2566 จะมีมาร์เก็ตแชร์ 30% หรือมีรายได้ 620 ล้านบาทซึ่งใกล้เคียงกับปี 2565 โดยในปี 2567 ไฮคูลตั้งงบการตลาดไว้ที่ 50 ล้านบาท สำหรับจัดงานอีเว่นต์ การจ้างอินฟลูเอนเซอร์แนะนำสินค้า ฯลฯ


     คุณปฏิพล วณิชชากรพงศ์ กรรมการ และผู้อำนวยการฝ่ายขายโชว์รูมและต่างประเทศ บริษัท ลีวณิชย์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย ฟิล์มกรองแสงไฮคูล กล่าวว่า สำหรับมาร์เก็ตแชร์ 30% ของไฮคูลจะมาจากรถใหม่ในโชว์รูมและกลุ่ม After Market ซึ่งฟิล์มไฮคูลมีอายุการใช้งาน 7 ปี แต่บางครั้ง 5 ปีลูกค้าก็เปลี่ยนแล้ว ซึ่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาไฮคูลเน้นตลาดฟิล์มเซรามิคเป็นหลัก เพราะกันความร้อนได้ดี ซึ่งสอดรับกับเทรนด์ในอนาคตเมื่อโลกร้อนขึ้นฟิล์มราคาสูงที่มีประสิทธิภาพกันความร้อนได้ดีจะเป็นที่นิยมมากขึ้น

     ปัจจุบันตัวแทนจำหน่ายของไฮคูลเป็นร้านประดับยนต์ 1,500 รายและโชว์รูมรถ 200 – 300 ราย คาดว่าปีหน้ามีการเพิ่มตัวแทนจำหน่ายเล็กน้อย สำหรับไฮซีซั่นของตลาดฟิล์มกรองแสงจะเป็นช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน และช่วงปีใหม่ของทุกปี



     คุณชลิฏา กล่าวต่อว่า สินค้าเรือธงหลักของไฮคูลที่นำมาทำตลาดยังคงเป็น 3 ผลิตภัณฑ์หลัก คือ 1. Hi-Kool Ceramic Black Night ฟิล์มเซรามิค เงาน้อย ใสจากภายใน ดำจากภายนอก 2. Super Hi-Kool Beyong Ceramic โดยทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์เป็นฟิล์มกรองแสงที่เหมาะสำหรับรถ EV เพราะไม่บล็อกสัญญาณดิจิทัลและสามารถกันรังสี IRR ได้ 99% กันความร้อนแสงได้ 90% ซึ่ง 2 ตัวนี้ได้รับการยอมรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และ 3. Hi-Kool Ceramic Blue Alfa ฟิล์มเซรามิค ฟ้าใส ที่เติมสีสันทุกความโดดเด่น โดยมีคุณสมบัติเด่น คือ ไม่บล็อกสัญญาดิจิทัลเช่นกัน ทำให้การขับรถ EV นอกจากเย็นสบายแล้ว ยังสะดวกมากยิ่งขึ้นด้วย เน้นจับกลุ่มรถซิ่ง - รถแต่งเป็นหลัก ที่สำคัญสินค้าตัวนี้รับประกันคุณภาพนาน 7 ปี ทำให้มั่นใจว่าได้สินค้าคุ้มค่าและมีคุณภาพตัวจริง

     “ในงาน Motor Expo 2023 ที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 ตัวถือเป็นตัวทำตลาดหลัก เพราะปี 2566 ตลาดรถ EV เติบโตมาก คาดว่าในงานรถ EV จะจำหน่ายได้ 80,000 คัน ในส่วนของไฮคูลคาดว่าจะมีมาร์เก็ตแชร์ 30% จากตลาดฟิล์มกรองแสงสำหรับรถ EV นอกจากนี้ ในงานยังมีสินค้าอีกหลากหลายรุ่นให้ลูกค้าเลือก โดยไฮคูลจะเน้นฟิล์มที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ทำให้ในงาน Motor Expo 2022 ไฮคูลสามารถปิดยอดขายได้ 500 คัน ส่วนงาน Motor Expo 2023 ก็คงไม่แพ้กัน”



     คุณปฏิพล กล่าวถึงการทำตลาดต่างประเทศว่า ตลาดต่างประเทศที่ไฮคูลทำตลาดอยู่มีที่ลาว พม่า กัมพูชาและเวียดนาม ในช่วงปีที่ผ่านมาสถานการณ์ของตลาดต่างประเทศไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นหลายอย่าง แต่ไฮคูลยังรักษาฐานลูกค้าต่างประเทศไว้ได้เท่าเดิม

     “ตลอด 39 ปีไฮคูลจำหน่ายฟิล์มกรองแสงมาโดยตลอด ปีที่ผ่านมาจึงเริ่มมองหาโอกาสในตลาดอื่น ซึ่งฟิล์มกันรอยรถยนต์กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดและมีการเติบโตขึ้นในปี 2567 ไฮคูลจะจับมือกับบริษัท Avery Dennison จำกัด บริษัทจัดจำหน่าย PPF (Paint Protection Film) หรือฟิล์มกันรอยรถยนต์ อันดับ 1 จากอเมริกา”



     คุณชลิฏา กล่าวว่า Avery Dennison มีความเชี่ยวชาญในการปกป้องสีรถยนต์ โดยมียอดขายกว่า 300,000 ล้านบาทและยังติดอันดับ 412 จาก Fortune Global 500 ถือเป็นแบรนด์ที่เชื่อถือได้ ซึ่ง Avery Dennison ได้แต่งตั้งให้ไฮคูลเป็น Sole Distributors Ship แต่เพียงผู้เดียวในไทย พม่าและลาว

      “ฟิล์มกันรอยรถยนต์ทำตลาดในไทยมานานแล้ว แต่ที่ผ่านมาจะนิยมในกลุ่มรถหรู แต่ปัจจุบันรถราคาล้านกว่าหรือรถ EV ก็มีความต้องการที่จะติดฟิล์มกันรอยรถยนต์ ทำให้ตลาดเริ่มเปิดมากขึ้น”



     คุณปฏิพล กล่าวต่อว่า รถที่จะติดฟิล์มกันรอยรถยนต์ 80% จะเป็นรถใหม่ ต้องการติดเพื่อป้องกันการเป็นรอย ส่วนฟิล์มแร็บสีหรือฟิล์มเปลี่ยนสีจะเป็นกลุ่ม After Market โดยราคาจำหน่ายฟิล์มกันรอยรถยนต์จะอยู่ที่ 75,000 – 100,000 บาท ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับขนาดรถ ไฮคูลจะเริ่มจำหน่ายฟิล์ม PPF ในเดือนมกราคม 2567 โดยแนวทางการทำตลาดของ Avery Dennison จะมุ่งการเป็นผู้สนับสนุนโฆษณาฟุตบอล Premier League จากอังกฤษและเป็นผู้ Supply PPF ให้กับทาง Porche ซึ่งไฮคูลก็จะนำกลยุทธ์เหล่านี้มาใช้เช่นกัน

     เมื่อตลาดฟิล์มกรองแสงราคาถูกจากจีนเข้ามาตีตลาดในไทย ยอมส่งผลกระทบต่อผู้นำด้านฟิล์มกรองแสงไฮคูล ในมุมมองของ 2 ผู้บริหารจะข้ามผ่านการ Disruption นี้ด้วยกลยุทธ์ใด  


     คุณชลิฏา กล่าวถึงการเข้ามา Disruption ของฟิล์มกรองแสงจากจีนว่า สำหรับคู่แข่งที่สำคัญของตลาดฟิล์มกรองแสงในปัจจุบัน คือ ฟิล์มกรองแสงจากจีน ซึ่งเข้ามาทำตลาดมากขึ้น โดยกลยุทธ์สำคัญในการสู้กับฟิล์มกรองแสงจากจีน คือ การเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าให้ความมั่นใจด้วยคุณภาพ จนบอกปากต่อปาก และการที่ไฮคูลเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้า ทำให้มีผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองลูกค้าที่หลากหลาย ไฮคูลจึงสามารถรักษามาร์เก็ตแชร์ได้ นอกจากนี้ ยังคงให้ “ดีเจ – เพชรจ้า” กูรูด้านรถยนต์ เป็นพรีเซ็นเตอร์ไฮคูลเหมือนเดิม  

     ด้านคุณปฏิพล กล่าวเสริมว่า ฟิล์มกรองแสงจากจีนที่เข้ามาในไทยเขาเน้นการเข้ามาจำหน่ายแล้วออกเลย เน้นราคาถูก 600 บาทก็มี ด้วยภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันทำให้ความต้องการฟิล์มราคาถูกเป็นที่ต้องการมากขึ้น ลูกค้าบางคนไม่ได้เน้นแบรนด์ก็หันมาสนใจกลุ่มนี้ โดยไฮคูลได้เตรียมกลยุทธ์สำหรับการแก้เกมฟิล์มกรองแสงจากจีน ด้วยการให้ความรู้เกี่ยวกับฟิล์มกับผู้ใช้มากขึ้น

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้